แม่ค้าร่ำไห้ ! เจ้าของสวนทุเรียน ฮุบมัดจำ 2 ล้าน ขอเงินคืนอ้าง “ใช้หมดแล้ว”
logo ข่าวอัพเดท

แม่ค้าร่ำไห้ ! เจ้าของสวนทุเรียน ฮุบมัดจำ 2 ล้าน ขอเงินคืนอ้าง “ใช้หมดแล้ว”

ข่าวอัพเดท : สองสามีภรรยา ขอความช่วยเหลือทั้งน้ำตาหลังโดนเจ้าของสวนทุเรียนให้โอนเงินมัดจำค่าทุเรียน 2 ล้านบาท แต่พอถึงวันที่จะเข้าไปตัด กลับถูกลู โกงเงินมัดจำ,สวนทุเรียน,ทุเรียน

3,355 ครั้ง
|
24 เม.ย. 2567

สองสามีภรรยา ขอความช่วยเหลือทั้งน้ำตาหลังโดนเจ้าของสวนทุเรียนให้โอนเงินมัดจำค่าทุเรียน 2 ล้านบาท แต่พอถึงวันที่จะเข้าไปตัด กลับถูกลูกเจ้าของไล่ บอกที่ดินตรงนี้ไม่ใช่ของพ่อ ไม่มีสิทธิ์ตัดทุเรียน พอทวงเงินค่ามัดจำคืนกลับอ้างว่า “ใช้หมดแล้ว”

วันที่ 23 เม.ย. 2567 นางสาวหัตศกร อัครนพทรัพย์ (หงส์) อายุ 31 ปี พร้อมด้วยสามี เข้าขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยในเรื่องกฎหมายเพื่อเอาผิดกับเจ้าของสวนทุเรียน หลังถูกเจ้าของสวนคนดังกล่าวให้โอนเงินค่ามัดจำ 2 ล้านบาท แต่กลับไม่ยอมคืน

นางสาวหัตศกร เล่าว่า ตนและสามีเป็นพ่อค้าคนกลางเหมาทุเรียนไปขาย เมื่อถึงฤดูทุเรียนออกดอกก็จะตระเวนไปซื้อทุเรียนตามสวน เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2567 มีนายหน้าแนะนำตนให้ไปที่สวนแห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี เจอลุงสายัณห์ อ้างตัวเป็นเจ้าของสวนพาตนขับรถตระเวนดูสวนทุเรียนเนื้อที่ทั้งหมด 200 ไร่ ตนเห็นว่าทุเรียนสวยใกล้จะออกดอก ประมาณอีก 120 วันคงเก็บผลผลิตได้ จึงตัดสินใจเลือกสวนนี้

จากนั้นจึงขอดูเอกสารว่าใครเป็นเจ้าของสวนทุเรียน ได้ทำการตรวจอย่างละเอียดพบว่า ลุงสายัณห์ เป็นเจ้าของสวนทุเรียนนี้จริง และยังพบเอกสารการเสียภาษีเมื่อปี 2566 จึงทำการตกลงวางมัดจำ 2 ล้านบาท เพื่อจองสวนทุเรียนนี้ไว้

วันที่ 7 ม.ค. 2567 โอนเงินมัดจำงวดแรกให้ 300,000 บาท และวันที่ 6 ก.พ.2567 โอนเงินมัดจำเพิ่มอีก 150,000 บาท จากนั้นวันที่ 14 ก.พ. 2567 ได้โอนมัดจำงวดสุดท้ายให้อีก 1,550,000 บาท รวมเป็นเงินมัดจำทั้งหมด 2 ล้านบาท จึงเริ่มทำสัญญาจองการตัดทุเรียนกันในวันนั้น โดยมีลุงสายัณห์พร้อมภรรยา และนายหน้าร่วมอยู่ด้วยในตอนเซ็นสัญญา

ต่อมาวันที่ 3 มี.ค.2567 ตนได้เดินเข้าไปดูผลทุเรียนว่าสามารถเก็บได้หรือยัง เมื่อไปถึงสวนทุเรียน กลับพบชายหญิงคู่หนึ่ง อ้างตัวเป็นเจ้าสวนทุเรียน ไม่ยินยอมให้ตนเข้าไปในสวนทุเรียนและบอกกับตนว่า ห้ามตัดทุเรียน สวนทุเรียนนี้ไม่ใช่ของพ่อ ตนจึงนำเอกสารสัญญาที่ทำกับลุงสายัณห์เอาไว้ออกมา เขาก็ยืนยันว่าสวนทุเรียนเป็นของเขา ให้ไปคุยกับลุงสายัณห์เอง พร้อมขู่ว่าถ้าเข้ามาอีกจะไม่รับประกันความปลอดภัย

ตนจึงเข้าไปคุยกับลุงสายัณห์ และได้คำตอบมาว่า ลุงได้ยกที่ดินกับสวนทุเรียนให้ลูกสาวและลูกชาย ลุงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว และยังบอกให้ตนไปตัดทุเรียนอีกสวนที่อยู่หลังเขา ซึ่งตนไม่ยอมเพราะทุเรียนส่วนใหญ่ยืนต้นตายหมดแล้ว จึงได้ทำการขอเงินค่ามัดจำคืน แต่ลุงสายัณห์ไม่มีเงินมาคืนให้อ้างว่าใช้ไปหมดแล้ว ตนจึงบอกไปว่าจะแจ้งความ ขณะเดียวกันตนได้เห็นว่าเขาได้ออกรถกระบะใหม่ป้ายแดง และรถแมคโครซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเงินมัดจำของตน

ต่อมาในวันที่ 27 มี.ค. 2567 ลูกสาวลุงสายัณห์ก็ได้โทรให้ตนเข้าไปตัดทุเรียนในสวนได้ เพราะกลัวพ่อถูกดำเนินคดี โดยตัดมาได้ 400 กิโลกรัม แต่ตนไม่ได้ตัดฟรี กลับให้จ่ายเพิ่มอีก 101,920 บาท ไม่ยอมให้หักในเงินมัดจำ 2 ล้านบาท และถูกสั่งห้ามตัดอีกเพราะลูกสาวกลัวว่าตนจะหักเงินมัดจำ 2 ล้านบาท ไปกับค่าทุเรียน

ตนจึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ตกพรม จ.จันทบุรี จากนั้นทางตำรวจได้เรียกให้มาไกล่เกลี่ยกัน แต่ทางลุงสายันห์ ไม่ยอมมาตามนัดจึงได้มาร้องเรียนไปที่เพจสายไหมต้องรอด ตอนนี้ตำรวจได้ออกหมายเรียกลุงสายัณห์ไปแล้ว 1 ครั้ง แต่กลับไม่มาตามนัด และจะออกหมายเรียกอีกครั้งวันที่ 26 เม.ย. 2567 ถ้าไม่มาอีก จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง